Bangpakok Hospital

นิ่วในถุงน้ำดี!

26 มี.ค. 2568


ชีวิตคนทำงานหาเช้ากินค่ำ เป็นมนุษย์เงินเดือน เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีอะไรสุขไปกว่าการได้ให้รางวัลตัวเอง ด้วยการทานของอร่อยๆ ไม่ว่าจะบุฟเฟต์ ชาบู ปิ้งย่าง ฯลฯ เพราะรสชาติอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการช่วยเยียวยาทำให้เราหายเหนื่อยและมีความสุข แต่หลายๆ คนก็อาจเผลอลืมไปว่า อาหารทอด อาหารปิ้งย่าง ไขมันสูง เหล่านี้ มีส่วนในการเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายหลายๆ โรคด้วย ซึ่งหนึ่งในโรคอันตรายที่หลายคนอาจไม่คุ้นแต่ปัจจุบันพบว่าเป็นกันมากขึ้นๆ ก็คือ “นิ่วในถุงน้ำดี” ที่หากเป็นแล้วล่ะก็ทางเดียวที่ดีที่สุดของการรักษาก็คือต้องผ่าตัดเท่านั้น!

นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร ทำความรู้จักไว้เพื่อหนีให้ไกลปลอดภัยที่สุด

นิ่วในถุงน้ำดี คือ ตะกอนของแข็งที่เกิดสะสมขึ้นภายในถุงน้ำดี อาจมีขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายหรือจะใหญ่เท่ากับลูกมะกรูดก็ได้ ซึ่งตะกอนดังกล่าวจะมีจำนวนมากเป็นร้อยๆ ก้อน อุดตันอยู่ในถุงน้ำดี ทั้งนี้ถุงน้ำดีมีหน้าที่ทำให้น้ำดีเข้มข้น ไว้พร้อมใช้สำหรับขับน้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร โดยน้ำดีจะทำหน้าที่ดักจับไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นั่นเองจึงทำให้เมื่อเกิดนิ่วขึ้น การทำงานของถุงน้ำดีจึงผิดปกติและส่งผลระบบทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งถ้าหากนิ่วตกลงไปอุดที่ท่อน้ำดีใหญ่ อาจส่งผลต่อการทำให้ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ นิ่วในถุงน้ำดีสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. ชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล พบได้บ่อยมากที่สุดคือร้อยละ 80 ของผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นชนิดนี้ เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป จึงไปเกาะจับกันจนทำให้ถุงน้ำดีทำงานผิดปกติ

2. ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีบิลิรูบิน พบได้น้อยกว่าชนิดแรก โดยก้อนนิ่วจะมีขนาดเล็กกว่าชนิดคอเลสเตอรอลมักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็ง หรือผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติของเลือด อย่างโรคโลหิตจาง

ปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง เป็นหนทางพาเราเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี

หากสังเกตจากชนิดของโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราจะพบว่าชนิดที่เป็นกันมากที่สุดคือชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ว่า พฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนเรามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบกันด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่

  • ความอ้วน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด เพราะเป็นสาเหตุของการทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มมากขึ้น
  • การทานอาหารไขมันสูง ชอบทานบุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ฯลฯ เป็นสาเหตุของความอ้วน

    และนำไปสู่ภาวะคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง

  • ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบทานผัก
  • อายุ 40 ปี ขึ้นไป ระบบเผาผลาญในร่างกายที่แย่ลง ทำให้การสะสมคอเลสเตอรอลมีสูงขึ้น จึงเสี่ยงมากขึ้น
  • โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
  • ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน มีส่วนในการเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดี
  • หากพบว่าในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราก็จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น

สังเกตอาการอย่างไร ถึงจะรู้ว่ากำลังเสี่ยงภัยนิ่วในถุงน้ำดี

ความอันตรายของโรคนิ่วในถุงน้ำดีคือเป็นโรคไม่แสดงอาการให้เราเห็นชัดเจนมากนักในช่วงแรก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบก็เมื่อได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด แต่ทั้งนี้ เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ จากหลายๆ อาการ ได้แก่

  • คลื่นไส้ อาเจียน บ่อยๆ
  • มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
  • รู้สึกแสบร้อนที่อก มีลมในกระเพาะอาหาร
  • หลังรับประทานอาหารมันๆ มักมีอาการเสียดท้อง แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
  • ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่วงท้องส่วนบนด้านขวา โดยปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ในรายผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวา
  • บริเวณตำแหน่งของถุงน้ำดี และอาจมีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง ร่วมด้วย
  • ผ่าตัดผ่านกล้องนิ่วในถุงน้ำดี แป๊บเดียวก็หายดีกลับเป็นปกติเหมือนเดิม

สำหรับโรคนิ่วในถุงน้ำดีนั้น หากแพทย์ตรวจวินิจฉัยทราบแล้วว่าเป็นจริง วิธีการรักษาเดียวที่ดีที่สุดคือ “การผ่าตัด” ซึ่งการผ่าตัดแบบเดิมจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง ทำให้เกิดแผลใหญ่ ผู้ป่วยบอบช้ำมาก เสียเลือดมาก มีภาวะความเสี่ยงมาก และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ด้วย “การผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก” จึงทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เสี่ยงน้อยลง ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

รู้ไว้ไม่เสียหลาย เพื่อให้เราดูแลตัวเองได้ดีขึ้น

ปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องถุงน้ำดี ถือเป็นมาตรฐานหลักที่ใช้ในการรักษา หากปล่อยไว้ไม่ทำการผ่าตัด อาการก็จะรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ และในผู้ป่วยที่ผ่าตัดผ่านกล้องนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ก็ควรดูแลตัวเองให้ดี รับประทานอาหารจำพวกผัก ปลา มากขึ้น และลดของมันลง เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง

ปรึกษา/นัดหมายแพทย์
วันเวลาทำการ

โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต2
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 07:00 - 18:00 น.
ศูนย์ศัลยกรรม ชั้น 1 โซน A โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์ : 02-028-1111 ต่อ 10180
Call Center : 1745

 

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.